วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
2. พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
3.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
1.รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถ จำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น  6  รูปแบบ ดังต่อไปนี้คือ
1) เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล  เช่น  ดาวเทียม  ถ่ายภาพทางอากาศ  กล้องดิจิทัล  กล้องถ่ายวิดีทัศน์  เครื่องเอกซเรย์
2) เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล  เป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก  จานแม่เหล็ก  จานแสง หรือ  จานเลเซอร์  บัตรเอทีเอ็ม
3)  เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล  ได้แก่  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  และซอฟแวร์
4)  เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร  เช่น  เครื่องพิมพ์  จอภาพ  พล็อตเตอร์  ฯลฯ
5)  เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น  เครื่องถ่ายเอกสาร  เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
6)  เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่  ระบบโทรคมนาคมต่างๆ  เช่น   โทรทัศน์  วิทยุกระจายเสียง  โทรเลข  เทเล็กซ์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ทั้งระยะใกล้และระยะไกล
                ตัวอย่าง   การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
                มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ  ทั้งในทางธุรกิจ และทางการศึกษา  ดังตัวอย่างเช่น 
                -ระบบเอทีเอ็ม
                -การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
                - การลงทะเบียนเรียน
2. พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
                การแสดงออกทางความคิด  และความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท  ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา  จัดเก็บ  สร้าง  และเผยแพร่ สารสนเทศในรูปแบบต่างๆ  ได้แก่  ภาพ  ข้อความ  หรือ  ตัวอักษร  ตัวเลข  และภาพเคลื่อนไหว  เป็นต้น
                การใช้อินเทอร์เน็ต
                งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาพบว่า
                นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง  เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น  ในขณะที่การใช้อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา  ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้  การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา
                ใช้อินเตอร์เน็ตทำอะไรได้บ้าง ?
                งานวิจัยชี้ว่า  นักศึกษาใช้อินเทอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆ และการค้นข้อมูลจากห้องสมุด
                นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่า  นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ  เพื่อเพิ่มพูนความรู้  และประกอบทำรายงาน
                สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
                งานวิจัยพบว่า  นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านและมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน
                นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยในรูปแบบไหนบ้าง?
                งานวิจัยชี้ว่า  นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อยได้แก่  ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์  การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ  e-Learning  วิดิทัศน์ ตามอัธยาศัย  (Video  on  Demand)  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-                   การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
-                   บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer  Assisted  Instruction-CAI) หรือ (Computer  Aided Instruction)
-                   วิดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video  on  Demand-VOD)
-                   หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
-                   ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)
-การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
                เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต  (Internet)  หรืออินทราเน็ต  (Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง  ตามความสามารถและความสนใจของตน  โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ  รูปภาพ  เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ  จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่านเว็บเบราว์เซอร์  (Web  Browser)  โดยผู้เรียน  ผู้สอน  และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน   สามารถติดต่อปรึกษา  แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
                โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย  สำหรับทุกคนโดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา  และทุกสถานที่  (Learning   for  all :  anyone, anywhere  and  anytime)
                -บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer  Assisted  Instruction-CAI)
                คือบทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศ  ที่ได้ผ่านกระบวนการสร้าง และพิจารณามาเป็นอย่างดี  โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัดการทดสอบ  และการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียน  ได้ตามระดับความสามารถของตนเอง  เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย  ซึ่งประกอบด้วย  อักษร  รูปภาพ  เสียง  และ/หรือทั้งภาพและเสียง  ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบ
                โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้  (Learning  Behavior) ทฤษฎีการเสริมแรง (Reinforcement  Theory)ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ(Operant  Conditioning  Theory) ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญโดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้  อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า  เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง  และมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน

-วิดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video  on  Demand-VOD)
                คือระบบการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนตร์  หรือ  ข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการตามสโลแกนที่ว่า “ To  view  what one  wants, when  one  wants”. โดยสามารถใช้งานนี้ได้จากเครือข่ายสื่อสาร  (Telecommunications  Networks)  ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย (Video  Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามต้องการ  และสามารถควบคุมข้อมูล  วิดิโอ นั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ (Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า (Forward) หรือหยุดชั่วคราว  (Pause) ได้ เปรียบเสมือนการดูวิดิโอที่บ้านนั่นเอง ทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกัน กล่าวคือ  สามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันหรือต่างกันก็ได้
-หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
                คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต  โดยมีเครื่องมือ  ที่จำเป็นในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ  ฮาร์ดแวร์ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ  พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือ  ซอฟต์แวร์ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ  เช่น ออร์แกไนเซอร์ แบบพกพา  พีดีเอ    เป็นต้น
                ส่วนการดึงข้อมูล  e-Books  ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์  ที่ทำให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเทอร์เน็ต  เป็นส่วนใหญ่ลักษณะไฟล์ของ  e-Books  หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง  e-Books  จะสามารถได้ 4  รูปแบบคือ  Hyper  Text  Markup  Langrage  (HTML),Portable  Document  Format(PDF) ,  Peanut  Markup  Language  (PML)  และ  Extensive  Markup  Language (XML)
-ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)
                เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์  แม่ข่ายและให้บริการ  สารสนเทศ  ทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
·       คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์  มีดังนี้คือ
1.             การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
2.             ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
3.             บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้  เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4.             ความสามารถในการจัดเก็บรวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สารสนเทศ
ความหมาย
            สารสนเทศ  หมายถึง  ข่าวสารที่สำคัญ  เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้นภายในองค์การต่างๆ  ตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ


            สารสนเทศ  ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า  Information  หมายถึง  ความรู้ที่ได้จากการศึกษา    ค้นคว้า  สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ  ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้ปฏิบัติ

            สารสนเทศ มีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน  ดังนี้
            สารสนเทศ  หมายถึง ข้อมูลทั้งด้านปริมาณ  และด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่          เปรียบเทียบ  และวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้  หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า


เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
            เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ  ไอที (IT)   เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ  การประมวลผล  และการแสดงผลสารสนเทศ

องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
            เทคโนโลยีสารสนเทศ  ประกอบด้วย  องค์ประกอบหลัก  2 ส่วน  คือ  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม

1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
           คอมพิวเตอร์ จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน  เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก  การจัดเก็บ  การประมวลผล  การแสดงผล  และการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้  2  ส่วน  คือเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟท์แวร์

           1.เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์  หมายถึง  อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น  4  ส่วน คือ
(1) หน่วยรับข้อมูล
(2) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู
(3) หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output  Unit)
(4) หน่วยความจำสำรอง  (Secondary  Storage  Unit)

           2. เทคโนโลยีซอฟท์แวร์  (Software)
หมายถึง   โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 2  ประเภท คือ
1) ซอฟท์แวร์ระบบ ( System Software) 
หรือ ชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ทำงานตามคำสั่ง
2) ซอฟท์ประยุกต์ (Application Software)
คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

2.เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่น  ระบบโทรศัพท์ ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และระบบสื่อสารอื่นๆ  ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน
  • ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
-เผยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 4 (2520-2524) การมีส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา
- มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการของระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้น
-ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ก็ได้มีการเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามากขึ้น
-ในแผนฯ ที่ 9  มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา

  • แผนพัฒนาฯข้างต้นทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียมทั่งถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่อง  ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต  โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า
  • พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
ยุคที่ 1  การประมวลผลข้อมูล มีวัตถุประสงค์เพื่อการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลของรายการประจำ (Transaction Processing) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
  • ยุคที่ 2  ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ  มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ  ควบคุมดำเนินการ  ติดตามผลและวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ
  • ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
  • ยุคที่ 4  ยุคปัจจุบัน  หรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ  มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ และเน้นความคิดของการใช้บริการสารสนเทศแก่ผู้ให้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวัตถุประสงค์สำคัญ
  • ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
  1. ให้ความรู้  ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
  2. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน
  3. ใช้ประกอบการตัดสินใจ
  4. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
  5. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ
  • สรุป
การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น  เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆ  เช่น ดาวเทียมสื่อสาร  ใยแก้วนำแสง  อินเทอร์เน็ต  ก่อให้เกิดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงานในสถานศึกษาด้านต่างๆ เช่น  ระบบบริหารจัดการห้องสมุด  และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น  ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษายังช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษาการเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี
วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
Information and Communication Technology for Teachers
รหัส  PC54504    3(2-2-5)

คำอธิบายรายวิชา
              ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ  ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เช่น  ไมโครคอมพิวเตอร์  และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์  ระบบการสื่อสารข้อมูล  ระบบเน็ตเวิร์ก  ระบบซอฟต์แวร์  การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ  เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ  ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ  ฐานข้อมูลสารสนเทศ  ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง  ฝึกปฏิบัติการ  สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

assignment 1

1. ให้หา Title  หนังสือภาษาอังกฤษ จำนวน  5  ชื่อ

         1.1  Power  Politics  and Organizational
         1.2  A History  of  Advertising
         1.3  Creating  Crystal  Jewelry  with Swarovski
         1.4  Anthology  for  Musical  Analysis
         1.5  Writing & Speaking  at  Work

ที่มา: http://arc.nrru.ac.th

2. Cyber bully  คืออะไร

          Cyber bully คือ การรังแกระหว่างเด็กด้วยกันผ่านสื่อไซเบอร์  ได้แก่  อินเตอร์เน็ต  และโทรศัพท์มือถือ  รูปแบบการรังแกประเภทนี้มี  ตั้งแต่การนินทาด่าทอ  การส่งต่อข้อมูลที่เป็นความลับของคนอื่น  โดยมีเจตนาให้บุคคลนั้นได้รับความอับอายเสื่อมเสียชื่อเสียง   รวมถึงการใส่ร้ายให้อีกฝ่ายเสื่อมเสีย  เช่น  กล่าวหาว่าเป็นโสเภณี หรือเป็นเกย์  ผ่านการส่งต่อทางอีเมล์  โดยฝ่ายที่เป็นเหยื่อในการกล่าวหา  จะไม่สามารถรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำ

          งานสำรวจเด็กในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  พบว่า มีเด็กถึง 48%  ที่อยู่ในวงจร Cyber bully  โดยอาจเป็นทั้งผู้กระทำ  เหยื่อ  และผู้เฝ้าดูหรือ  ส่งต่อข้อมูลไปยังกลุ่มอื่นๆ

          ความรุนแรงของการทำร้ายกันผ่านโลกไซเบอร์ที่พบเห็นในเมืองไทยมีมากมายหลายรูปแบบ  เช่น  เด็กที่เป็นเหยื่อต้องลาออกจากโรงเรียน อยู่ในภาวะเครียด และเป็นโรควิตกกังวล  แต่ในประเทศญี่ปุ่น  วงจรนี้รุนแรงถึงขั้นเด็กฆ่าตัวตาย  และฆ่าเพื่อนที่คิดว่าเป็นผู้กระทำ

          โดยช่วงเวลาที่เด็กไทยมักอยู่ในวงจรนี้ คือ ช่วงเวลา 6  โมงเย็น ถึง  3  ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กใช้อินเตอร์เน็ตและทำการบ้าน


ที่มา: http://women.mthai.com/mom-child/85652.html